สำหรับคู่ชิงในค่ำคืนวันนี้ ก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลล่าสุดกับ อินเตอร์ มิลาน ที่จบในอันดับ 3 ของ กัลโช่ เซเรียอา

สื่อและบ่อนรับพนันถูกกฏหมายหลายๆเจ้ายกให้ ‘เรือใบสีฟ้า’ เป็นเต็งจ๋าแบบทิ้งห่างขาดลอยมาเลย ซึ่งหากดูตามฟอร์มและชื่อชั้นของตัวผู้เล่น มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ฟุตบอลลูกกลมๆอะไรก็เกิดขึ้นได้

แน่นอนว่าทุกความสนใจได้สาดแสงไปยังทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่กำลังมีลุ้นเป็นทีมที่ 2 จากเกาะอังกฤษที่สามารถคว้า 3 แชมป์จากรายการเมเจอร์ ตามรอย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยทำเอาไว้ในปี 1999

ทีมของ ซิโมเน่ อินซากี้ ก็มีลุ้นในการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์เช่นเดียวกัน โดยก่อนหน้านี้พวกเขาคว้าถ้วย ซุปเปอร์ โคปปา อิตาเลียน่า และ โคปปา อิตาเลีย มาได้

แมตช์นี้จะเป็นการพบกันครั้งแรกของทั้ง 2 ทีมในการแข่งขันอย่างเป็นทางการอีกด้วย โดยที่จะเกิดขึ้นในสนาม อตาเติร์ก โอลิมปิก สเตเดี้ยม ซึ่งเป็นสนามเดียวกับที่ ลิเวอร์พูล เคยพลิกกลับมาชนะ เอซี มิลาน ได้ในนัดชิงปี 2005

ก่อนหน้านี้ แมนฯ ซิตี้ เคยผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศของถ้วยยุโรปได้เพียงแค่ 2 ครั้ง ครั้งแรกในรายการ คัพ วินเนอร์ส คัพ เมื่อปี 1970 โดยที่สามารถเอาชนะทีมจากโปแลนด์ไปได้ และอีกครั้งใน แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2021 ที่แพ้ให้กับ เชลซี ของ โธมัส ทูเคิล ไป

ทางด้านของ อินเตอร์ เคยผ่านเข้าถึงรอบชิงรายการนี้ 5 ครั้ง โดยคว้าแชมป์มาได้ 3 ครั้ง ซึ่งหนล่าสุดที่ทำได้คือเมื่อปี 2010 ในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ไปได้ในปีนั้น ก่อนที่จะโยกไปกุมบังเหียน เรอัล มาดริด ในฤดูกาลต่อมา

ทางด้านตัวนักเตะเท่าที่เช็คมา ตัวหลักๆก็พร้อมกันทั้ง 2 ทีม แน่นอนว่าทีมจากเกาะอังกฤษนำทัพมาโดย เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่ซัดไปแล้ว 12 ประตู นำเป็นดาวซัลโวในรายการนี้ รวมถึงแข้งรายอื่นๆก็อยู่กันครบครัน ส่วนตัวหลักของ ‘งูใหญ่’ ก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาในเกมนี้เช่นเดียวกัน

ก็ต้องมารอลุ้นกันว่าใครจะสมหวัง ใครจะผิดหวังในเกมนี้ จะจบกันใน 90 นาที หรือจะลากยาวไปจนถึงช่วงดวลลูกจุดโทษให้แฟนบอลเสียวไส้ เดี๋ยวจะได้รู้กันในเวลาตีสองคืนนี้ ก็ขอแสดงความยินดีกับแชมป์ถ้วยหูโตล่วงหน้าด้วย แล้วพบกันใหม่ฤดูกาลหน้าครับ 

เขียนโดย The Lite Team.